สหรัฐฯ ทุ่มทุนวิจัยแบตเตอรี่โซเดียมไอออน ทางเลือกใหม่รถยนต์ไฟฟ้า

สหรัฐฯ เดินหน้าพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออน: ทางออกใหม่สำหรับอนาคตยานยนต์ไฟฟ้า

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่การพึ่งพาแหล่งแร่ธาตุหายากและมีราคาแพงสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเดิม กำลังเป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรมนี้ เพื่อแก้ปัญหานี้ สหรัฐอเมริกาจึงหันมาให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ โดยเฉพาะแบตเตอรี่โซเดียมไอออน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการลดการพึ่งพาแหล่งแร่ธาตุจำกัด

ล่าสุดห้องปฏิบัติการอาร์กอน (Argonne National Laboratory) ได้นำทีมวิจัยจากกลุ่มสถาบันวิจัยต่างๆ ภายใต้ชื่อโครงการ “Low-cost Earth-abundant Na-ion Storage” หรือ LENS เพื่อเร่งพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ประสิทธิภาพสูง และใช้วัสดุที่หาได้ง่าย ราคาถูก และปลอดภัย โครงการนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและลดการพึ่งพาแหล่งแร่ธาตุจากต่างประเทศ ตามรายงานจาก Electrive.com (https://www.electrive.com/2024/11/26/argonne-national-laboratory-leads-consortium-for-sodium-ion-battery-research/)

แบตเตอรี่โซเดียมไอออนมีข้อได้เปรียบหลายประการเหนือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน โซเดียมเป็นธาตุที่มีอยู่มากมายในธรรมชาติ ราคาถูกกว่าลิเธียมอย่างมาก และกระบวนการสกัดก็ง่ายกว่า ซึ่งหมายความว่าต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจะมีราคาถูกลง ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาจับต้องได้มากขึ้น และช่วยขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น

อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่โซเดียมไอออนยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ความหนาแน่นพลังงานที่ต่ำกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และอายุการใช้งานที่อาจสั้นกว่า แต่ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าจะสามารถเอาชนะข้อจำกัดเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิจัยของโครงการ LENS ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การออกแบบขั้วไฟฟ้า (electrode) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น การพัฒนาอิเล็กโทรไลต์ (electrolyte) ที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น และการปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การพัฒนาแบตเตอรี่โซเดียมไอออนยังมีความสำคัญต่อการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ การลดการพึ่งพาแหล่งแร่ธาตุจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศที่มีความไม่แน่นอนทางการเมือง จะช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปทานและราคา และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐฯ ในตลาดโลก

ความสำเร็จของโครงการ LENS จะไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ต้องการแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซเดียมไอออนจึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

#ขายรถไฟฟ้ามือสอง #รถมือสองเจ้าของขายเอง #รถเก๋งไฟฟ้ามือสอง #รถเก๋งไฟฟ้ามือสอง #รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง #รถไฟฟ้ามือสอง #รถEVมือสอง #ev2car

Scroll to Top