ลิทัวเนียเร่งเดินหน้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้า ด้วยงบสนับสนุนกว่า 55 ล้านยูโร
รัฐบาลลิทัวเนียกำลังเร่งผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้จัดสรรงบประมาณกว่า 55 ล้านยูโร จากกองทุนของสหภาพยุโรป เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อรถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 275 คัน พร้อมระบบสถานีชาร์จไฟที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้บริษัทขนส่งต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนกำลังเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของลิทัวเนียในการลดการปล่อยมลพิษและสร้างระบบขนส่งที่ยั่งยืน
การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอัพเกรดระบบขนส่งสาธารณะของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างอีกด้วย การสร้างระบบสถานีชาร์จไฟฟ้าจำนวนมากจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงาน และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดในประเทศ นอกจากนี้ การนำรถโดยสารไฟฟ้ามาใช้ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน และลดเสียงรบกวนจากการจราจร ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ที่สำคัญ รัฐบาลลิทัวเนียได้กำหนดให้ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป บริษัทขนส่งต่างๆ จะสามารถจัดซื้อรถโดยสารที่มีระบบขับเคลื่อนทางเลือกอื่นๆ ได้เท่านั้น นโยบายที่ชัดเจนและมีกรอบระยะเวลาที่กำหนดนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้บริษัทขนส่งต้องเร่งปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยเร่งให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
การตัดสินใจของลิทัวเนียครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มระดับโลกที่มุ่งเน้นไปที่การลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่างกำลังเร่งดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
จากรายงานของ International Energy Agency (IEA) พบว่า การขนส่งสาธารณะเป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนมาใช้รถโดยสารไฟฟ้าจึงเป็นวิธีการที่สำคัญในการลดการปล่อยมลพิษจากภาคการขนส่ง และการสนับสนุนจากรัฐบาลลิทัวเนียในครั้งนี้ จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ประเทศอื่นๆ หันมาลงทุนในระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการชาร์จไฟฟ้ายังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการขยายการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง การลงทุนในสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และกระตุ้นให้เกิดการยอมรับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับประเทศไทย การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบขนส่งสาธารณะไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ แม้ว่าจะยังมีอุปสรรคหลายประการ แต่การเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศอื่นๆ เช่น ลิทัวเนีย จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถวางแผนและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการสนับสนุนจากภาครัฐ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำได้สำเร็จ
#ขายรถไฟฟ้ามือสอง #รถมือสองเจ้าของขายเอง #รถเก๋งไฟฟ้ามือสอง #รถเก๋งไฟฟ้ามือสอง #รถยนต์ไฟฟ้ามือสอง #รถไฟฟ้ามือสอง #รถEVมือสอง #ev2car